วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

เมืองโบราณ

เมืองโบราณ เปรียบดัง บานประตูที่เผยออกให้เห็นถึง มรดกแห่งภูมิปัญญาไทย ด้วยสัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมรูปแบบต่าง ๆ ผสมผสานกับงานวิจิตรศิลป์และประณีตศิลป์ การจัดวางโครงสร้างและสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่สอดคล้องและสัมพันธ์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก่อให้เกิดบรรยากาศที่โน้มนำให้ผู้มาเยือนได้รับรู้และเข้าใจถึงความสืบเนื่องของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ศาสนา ศิลปะ และขนบธรรมเนียมประเพณีของคนไทยในอดีตตราบจนถึงปัจจุบัน

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

ช้างเอราวัณ

สถานที่: Erawan Museum
ที่ตั้ง: ถนนสุขุมวิท ขาเข้าจังหวัดสมุทรปราการ
เวลาทำการ: 8 นาฬิกา - 18 นาฬิกา
ค่าบัตรเข้าชม: ผู้ใหญ่ 150 บาท, เด็ก 50 บาท 50 บาท สำหรับค่าผ่านประตูโดยไม่เข้าชมภายในตัวพิพิธภัณฑ์
เลื่อนลงเพื่อดูอัลบั้มภาพและแผนที่ทางอากาศ
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 12 ไร่ ของบริษัท ธนบุรีประกอบยนต์ จำกัด ตำบลบางเมืองใหม่ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างจากแรงบันดาลใจ และความคิดของ คุณเล็ก วิริยะพันธ์ ผู้สร้างเมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ และปราสาทสัจธรรม เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อให้เป็นสถานที่เก็บรักษาศิลปวัตถุ มรดกทางวัฒนธรรมด้านต่าง ๆ และเพื่อสืบสานอนุรักษ์งานศิลป์ไทยให้คงอยู่สืบชั่วลูกชั่วหลานสืบไป ช้างเอราวัณหรือช้างสามเศียร เป็นประติมากรรมลอยตัวด้วยวิธีเคาะมือแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำจากโลหะทองแดง แผ่นเล็กสุดขนาดเท่าฝ่ามือนำมาเรียงต่อกันด้วยความประณีตนับแสนชิ้น ตัวช้างรวมอาคารมีความสูง 43.60 เมตร (หรือสูงขนาดตึก14-17ชั้นโดยประมาณ) อาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ ส่วนบนของตัวช้าง เฉพาะส่วนหัวมีน้ำหนักประมาณ 100 ตัน ลำตัวช้างหนัก 150 ตัน สูง 29 เมตร กว้าง 12 เมตร และยาว 39 เมตร ตัวช้างออกแบบให้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุมีค่า เช่น ภาพวาดสีฝุ่นรูปจักรวาล พระพุทธรูปปางลีลา บริเวณท้องช้างปูด้วยไม้มะเกลือสีออกดำ ส่วนล่างของตัวช้าง เป็นฐาน โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก อาคารศาลามีความสูง 14.60 เมตร กระจายน้ำหนักตัวช้างด้วยคานวงแหวนรอบนอกและรอบในบนอาคาร ถ่ายน้ำหนักลงเสาแปดเสาภายนอกและสี่เสาภายในอาคารศาลาการตกแต่งภายในเป็นการ ผสมผสานศิลปะหลากหลายรูปแบบ เช่น การใช้กระจกสีแบบศิลปะตะวันตก, เครื่องเบญจรงค์สลับลวดลายสอดสี, การดุนโลหะบนแผ่นดีบุกของช่างเมืองนครศรีธรรมราช และรูปปั้นโบราณชนิดต่าง ๆ อาทิ คนธรรพ์บรรเลงดนตรี รูปพญานาค ของช่างเมืองเพชร ส่วนชั้นใต้ดินที่เรียกว่า “ชั้นบาดาล” เป็นที่จัดแสดงนิทรรศการและโบราณวัตถุจำนวนมาก อาทิ พระพุทธรูป เทวรูปสมัยต่าง ๆ และเครื่องลายครามของจีน ระเบียงรอบนอกตัวอาคารประกอบด้วยซุ้มแปดซุ้ม รอบพิพิธภัณฑ์เป็นอุทยานพรรณไม้ในวรรณคดี และพันธุ์ไม้หายากจากทุกภูมิภาคของประเทศ มีงานประติมากรรมลอยตัวเรื่อง รามเกียรติ์ วางเรียงรายล้อมรอบอาคาร
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2371 3135-6 โทรสาร. 0 2380 0304

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ

อาคารนี้ มีความสูงเท่ากับตึกสูงประมาณ 17 ชั้น ความสูงจากพื้นดินถึงยอด 50 เมตร ตัวอาคารด้านล่าง มีระเบียงรอบเป็นวงกลม มีทางเข้าภายในอาคารได้หลายทาง การออกแบบก่อสร้างได้คำนึงถึงประโยชน์ ใช้สอยควบคู่กันไปกับความสวยงามทางศิลปะ ทุกขั้นตอนการทำงานได้มีการศึกษาทั้งในเรื่องโครงสร้าง วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างอย่างอะเอียดถี่ถ้วน การทำงานจึงเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป



ลัษณะอาคารมี 5 ชั้น
ห้องนิทรรศการ
ห้องโถง มีประตูซุ้มใหญ่ 8 ซุ้ม
ชั้นพักบันได และเข้าลิฟท์
ชั้นลอย มีห้องพักรอก่อนขึ้นชั้นบน
ห้องท้องช้าง เป็นที่จัดแสดงโบราณวัตถุ
เมื่อเดินเข้ามาภายในอาคาร จะเป็นเหมือนห้องโถง ตรงกลางโถงเป็นซุ้มโอบรอบด้วยบันไดวน 2 ข้าง ที่ขึ้นมาบรรจบกัน ในส่วนนี้ช่างปูนปั้นฝีมือดีจากเพชรบุรีเป็นผู้ออกแบบและดูแลการทำงาน ซึ่งต้องใช้คน ไม่น้อยกว่า 30 คน ปูนปั้นที่ใช้ในงานนี้เป็นปูนปั้นที่ทำมาจากหินฟูลออลไรท์ จึงมีสีขาวต่างจากปูนซีเมนต์ ช่างจะปั้นเป็นดอกเป็นลายที่ละดอก ไม่ได้ทำเป็นแบบหล่อขึ้นมา แต่ละส่วนจึงมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน
จากชั้นหนึ่งขึ้นบันไดเวียนไปถึงบริเวณห้องท้องช้าง ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของอาคารเป็นห้องแสดงศิลปวัตถุใน ส่วนนี้จะมีเหล็กที่ก่อสร้างขึ้นมาเป็นคาน เพื่อแบกรับน้ำหนักของโครงสร้างส่วนบนทั้งหมดพาดไปมา คานส่วนนี้ทำขึ้นเพื่อรับน้ำหนักส่วนที่เป็นหัวช้างทั้ง 3 หัว ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 100 ตัน
ส่วนของเพดานนั้นใช้กระจกสีออกแบบเป็นรูปแผนที่โลก ช่างชาวเยอรมันกำลังทำงานส่วนนี้ เมื่อเสร็จเรียบร้อยจะเหมือนหลังคาโลก ส่วนวัสดุที่นำมาทำผิวช้าง ผู้รับผิดชอบโครงการเลือกใช้ทองแดงบริสุทธิ์ เมื่อเวลาผ่านไปจะมีสนิมสีเขียวจับ ทำให้ผิวช้างมีลวดลายและเป็นว้สดุที่คงทนอยู่ได้นาน






วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง อ.พระปะแดง จ.สมุทรปราการจุดมุ่งหมายหลัก “สร้างตลาดขึ้นมาใหม่” เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับขายสินค้าของชุมชนบางน้ำผึ้ง และตำบลใกล้เคียงฝั่งเมืองพระประแดง จนถึงปัจจุบันเติบโตจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดสมุทรปราการ นับเป็นตลาดน้ำแห่งใหม่ของเมืองไทยเที่ยวได้ชิมได้ชมได้ที่ “ ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ”





องค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำผึ้งและประชาชนในพื้นที่ ปลุกวิถีชีวิตดั้งเดิมขึ้นมาใหม่ พร้อมใจสร้าง "ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง"
สนทนากันเกี่ยวกับตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
http://www.thai-tour.com/wb/view_topic.php?id_topic=319
เพื่อจัดตั้งเป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าผลิตผลทางการเกษตรและได้ขยายกรอบการดำเนินงานให้กว้างขึ้น เพิ่มสินค้าในตลาดให้หลากหลายทั้งของกินของใช้ของฝากนานาชนิด จัดเป็นซุ้มให้มีทางเดินยาวกว่า 2 กิโลเมตร ขนานไปกับคลองซอยสายเล็ก ๆ ที่แตกแขนงจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามาในพื้นที่ที่ทำการเกษตรของชาวบ้าน จัดจำหน่ายต้นไม้นานาพันธุ์, ปลาสวยงามหลากชนิด, และผลิตผลของชาวบ้าน เช่น มะพร้าวอ่อน มะม่วง น้ำดอกไม้ กล้วยหอม ชมพู่มะเหมี่ยว, ขนมหวานพื้นเมืองฝีมือ ชาวบ้าน เช่น ขนมถ้วย ขนมจาก กล้วยแขก ม้าฮ่อ ขนมตระกูลทอง กาละแมกวน ฝอยเงินที่ใช้ไข่ขาวต้มในน้ำเชื่อม รสหวานชุ่มคอ หมี่กรอบโบราณ ฯลฯ อาหารคาว เช่น ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ไส้กรอกโบราณ ห่อหมกหมู หอยทอดในถาดขนมครก ไก่สะเต๊ะ น้ำพริกต่าง ๆ พร้อมเลือกผักเคียงข้างจาน เช่น ผักกระถิน ผักบุ้ง ผักหนาม ผักดองชนิดต่าง ๆ ที่ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการแปรรูปพืชผักให้มีรับประทานนอกฤดูกาล

นอกจากนี้ในตลาดน้ำใกล้กรุง ฯ แห่งนี้ยังเป็น ศูนย์รวมสินค้า OTOP ที่สร้างสรรค์จากคนในชุมชนบางน้ำผึ้ง และตำบลใกล้เคียงในจังหวัดสมุทรปราการ เช่น ดอกไม้เกล็ดปลา บ้านธูปสมุนไพร ผลิตภัณฑ์จากทะเลอย่างกุ้งแห้ง กะปิ หอยดอง ภาพประดิษฐ์จากรกมะพร้าว ของตกแต่งบ้าน – ดอกหญ้าหลากสี,โมบายล์ ลูกตีนเป็ดรูปร่างแปลกตา เป็นต้น
ใครจะนั่งชมบรรยากาศตลาดริมน้ำ พร้อมทั้งรับประทานอาหารอร่อย ๆ ที่มีให้เลือกทั้งก๋วยเตี๋ยวหมู เย็นตาโฟ บะหมี่หมูแดง ราดหน้า กระเพาะปลา ข้าวตู หมี่กรอบ ข้าวหน้าต่าง ๆ ขนมจีน น้ำยา น้ำพริกหรือจะเลือกผสมกับแกง แกล้มกับผักสดผักดอง แม่ค้าพ่อขายจะลอยลำเรือ พร้อมรับ รายการอาหารจาก นักท่องเที่ยว ซึ่งจะมาเป็นครอบครัวหรือหมู่คณะ จับจองเก้าอี้ไม้ตัวเตี้ย นั่งพูดคุยและชมบรรยากาศตลาดริมน้ำและสวนเกษตร ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ หรือเช่าเรือพายชมสวนและตลาดน้ำ เขาก็มีบริการพายเรือจนเมื่อย หากมีเวลามากหน่อยจะพายให้ถึง ประตูน้ำ ที่จะออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ก็จะได้ชมบรรยากาศของบ้านเรือนในวิถีไทย ๆ
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งจะเปิดเฉพาะวันเสาร์ – อาทิตย์ เท่านั้น เริ่มเปิดตลาดประมาณแปดโมงเช้าเป็นต้นไปจนถึงเย็น ๆ เลือกชมบรรยากาศตลาดน้ำ ชิมอาหารอร่อยที่มีให้เลือกชิม ตลอดวัน ทั้งของคาว - ของหวาน – ผลไม้ตามฤดูกาล อย่างมะม่วงน้ำดอกไม้
และใครที่เดินชมตลาดจนเมื่อยจะแวะพักนวดตัว นวดเท้า ทางชุมชนก็จัดหมอนวดมือทองไว้บริการนักท่องเที่ยว รับรอง สามารถเดินชมตลาดได้อีกหลายรอบ หรือหากนักท่องเที่ยว ท่านใดสนใจจะเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนชาวสวน จะพักค้างคืนที่ โฮมสเตย์บางน้ำผึ้ง เป็นบ้านพักที่ปลูกอาศัยติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา บางหลังอยู่ติดริมคลองบางน้ำผึ้งสามารถกางเต็นท์นอนได้ มีบ้านไทยโบราณอายุกว่า 100 ปี เลือกพักตามความชอบและเหมาะสมกับนักท่องเที่ยว ถ้ามีเวลาสัก 2 วัน 1 คืนในวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ออกเดินทางแต่เช้า ชมแหล่งท่องเที่ยวในฝั่งพระประแดง ทั้งพระสมุทรเจดีย์, ป้อมพระจุลจอมเกล้า หรือไหว้พระศักดิ์สิทธิ์ชมสถาปัตยกรรม ในวัดต่าง ๆ ที่มีเอกลักษณ์และปลูกสร้างอย่างสวยงามวิจิตรตา ตอนเที่ยงเลือกอาหารอร่อยที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ยามเย็น เข้าที่พัก โฮมสเตย์บางน้ำผึ้ง พลบค่ำออกจากบ้านชมสิ่งก่อสร้าง “สะพานวงแหวนอุตสาหกรรม” สิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักเดินทางที่มีความประสงค์จะข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ยามค่ำคืนจะประดับประดาด้วยไฟหลากสีตัดกับผืนน้ำและท้องฟ้า เช้าวันรุ่งขึ้น ใส่บาตรพระ อาหารสำหรับใส่บาตรเจ้าของบ้านจะจัดเตรียม ให้พร้อมซึ่งจะมีพระมาบิณฑบาตรหน้าบ้านทุกวันสาย ๆ ของวันที่สอง เช่าจักรยานสักคันปั่นออกกำลังกาย ชมแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง ภายในคุ้งกระเพาะหมู (“ คุ้งกระเพาะหมู ”) เป็นพื้นที่สีเขียวที่มีรูปร่างคล้ายกระเพาะหมูหรือแอกวัว เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ท่ามกลางความเจริญเติบโตของเมืองอย่างกรุงเทพมหานคร มีเนื้อที่รวม 11,819 ไร่ โอบล้อม ด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา และที่สำคัญ คุ้งกระเพาะหมูแห่งนี้ได้ “อนุรักษ์ให้เป็นพื้นที่สีเขียวตั้งแต่ปี 2520 พื้นป่าแห่งนี้ จึงเป็นแหล่งผลิตอากาศบริสุทธิ์ให้กับ ประชาชนในเขตจังหวัดสมุทรปราการและกรุงเทพมหานคร ช่วยกรองฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศที่เกิดจาก โรงงานอุตสาหกรรมที่มีอยู่มากมาย ” เช่น วัดบางน้ำผึ้งนอก วัดบางน้ำผึ้งใน สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ สวนหมากแดง ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตรตำบลบางน้ำผึ้งโดยจะมีมัคคุเทศก์เป็นผู้นำทางและนำเที่ยวตลอดเส้นทาง
การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว ใช้ทางด่วนมาลงที่ถนนสุขสวัสดิ์ เมื่อลงทางด่วนขับมาเรื่อย ๆ จะเห็นสามแยก พระประแดง
– สุขสวัสดิ์ เลี้ยวซ้ายตรงสถานีบริการน้ำมัน พอถึงตลาดพระประแดงให้เลี้ยวซ้ายผ่านวัดทรงธรรมวรวิหารประมาณ 5 กิโลเมตร จะพบป้ายบอกทางเข้าตลาดให้เลี้ยวขวาเข้ามาประมาณ 1 กิโลเมตร จะถึงสถานีอนามัยบางน้ำผึ้งซึ่งจะเป็นที่จอดรถ
รถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารประจำทางสาย ปอ.138, สาย 82, ปอ.140 สาย 82 , สาย 506
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ • สำนักงาน ททท.
ภาคกลางเขต 8 โทร.0-3731-2282, 0-3731-2284 www.tat8.com
• องค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำผึ้ง โทร.0-2819-6762, 08-1171-4930